บทความประกันภัย
ศูนย์รวมความรู้ด้านประกันภัยจากศรีกรุง
รวมบทความประกันภัยทุกประเภท พร้อมข่าวสารและความรู้ที่เข้าใจง่ายจากศรีกรุง ครอบคลุมทั้งประกันรถ บ้าน สุขภาพ และสาระน่ารู้ในวงการประกันภัย
รวมบทความประกันภัยทุกประเภท พร้อมข่าวสารและความรู้ที่เข้าใจง่ายจากศรีกรุง ครอบคลุมทั้งประกันรถ บ้าน สุขภาพ และสาระน่ารู้ในวงการประกันภัย
การทำประกันภยรถยนต์ชั้น 1 เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ถ่ายรูปตรวจสภาพรถ อาจทำให้ผู้เอาประกันภัยเกิดความกังวลใจได้ว่า “หากเกิดอุบัติเหตุก่อนเจ้าหน้าที่มาถ่ายรูปรถ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองไหม?” ซึ่งบทความนี้จะมาอธิบายให้เข้าใจ พร้อมคำแนะนำในการเตรียมความพร้อมก่อนถ่ายรูปตรวจสภาพรถ เพื่อให้คุณได้เตรียมตัวล่วงหน้าก่อนการทำประกันภัยรถยนต์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
“สำหรับการทำประกันรถยนต์ชั้น 1” เมื่อผู้เอาประกันตกลงที่จะทำประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 และชำระค่าเบี้ยเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยจะส่งเจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อนัดหมายถ่ายรูปรถยนต์ก่อนดำเนินการพิจารณาออกกรมธรรม์
ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์จะเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่ทำรายการ แต่จะสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อมีการถ่ายรูปรถตามเงื่อนไขที่บริษัทประกันภัยกำหนด
เงื่อนไขการรอถ่ายรูปเพื่อตรวจสภาพรถของแต่ละบริษัทประกันภัยไม่เหมือนกัน และจะได้รับการคุ้มครองแบบ “เคลมสด” ซึ่งการเคลมสด หมายถึง เมื่อเกิดเหตุสามารถโทรแจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัยได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ แต่ทั้งนี้ การคุ้มครองแบบเคลมสดไม่ได้หมายความว่าจะได้รับความคุ้มครองเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เสมอไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย
ก่อนเริ่มต้นให้ความคุ้มครอง บริษัทประกันภัยแต่ละแห่งมักกำหนดเงื่อนไขช่วงระหว่างรอตรวจสภาพรถไว้แตกต่างกัน ดังนี้
เมื่อเกิดเหตุสามารถแจ้งเคลมได้ทันทีไม่ต้องรอช้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเคลมประกันภัยรถยนต์ออกไปตรวจสอบและดำเนินการ ณ จุดเกิดเหตุ โดยความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขของประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 5 แบบสองพลัส (2+) หรือสามพลัส (3+) เมื่อเกิดเหตุสามารถแจ้งเคลมได้ทันทีไม่ต้องรอช้าเช่นเดียวกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเคลมประกันภัยรถยนต์ออกไปตรวจสอบและดำเนินการ ณ จุดเกิดเหตุ โดยความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขของประกันภัยรถยนต์ ประเภท 5
สำหรับประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3 เมื่อเกิดเหตุสามารถแจ้งเคลมได้ทันทีเช่นเดียวกับประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 และประเภท 5 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเคลมประกันภัยรถยนต์ออกไปตรวจสอบและดำเนินการ ณ จุดเกิดเหตุ โดยความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขของประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3
เหตุการณ์น้ำท่วมอาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลื่นล้ม ถูกไฟฟ้าช็อต หรือการถูกวัตถุที่ลอยมากับน้ำกระแทก เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นอุบัติเหตุที่อยู่ในขอบเขตความคุ้มครองของ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident : PA)
บทความนี้ได้สรุปทั้ง ความคุ้มครองหลักของ PA และ ขั้นตอนการเคลมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้เอาประกันสามารถใช้สิทธิได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และได้รับผลประโยชน์ตามที่ควรได้รับ
เมื่อเกิดอุบัติเหตุอันเป็นผลจากน้ำท่วม ผู้เอาประกันมีสิทธิเรียกร้องผลประโยชน์ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ได้ ดังนี้
(เป็นความคุ้มครองหลักที่มีอยู่สำหรับแผนประกันอุบัติเหตุทุกแผน) บริษัทประกันจะจ่ายผลประโยชน์ตามจำนวนทุนประกันภัยที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ
ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ ทั้งในกรณี
ผู้ป่วยนอก (OPD)
ผู้ป่วยใน (IPD)
วงเงินกำหนดไว้ชัดเจน เช่น 10,000 / 20,000 / 50,000 บาทต่อครั้ง
บริษัทประกันภัยจะชดเชยค่ารักษาพยาบาลตามจริง แต่ไม่เกินวงเงินที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ ทั้งนี้ประกันอุบัติเหตุ (PA) มีรูปแบบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหลัก ๆ อยู่ 2 แบบ ดังนี้
2.1 ประกันอุบัติเหตุแบบมีค่ารักษาพยาบาล : เคลมค่ารักษาได้ตามวงเงิน โดยแบ่งออกเป็น
กรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายคู่สัญญา ผู้เอาประกันไม่ต้องสำรองจ่าย สามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลได้ตามวงเงินทันที
กรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนอกเครือข่าย ผู้เอาประกันต้องสำรองจ่ายก่อน แล้วนำใบเสร็จรับเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องมายื่นเคลมประกันอุบัติเหตุกับบริษัทประกันภายหลัง
2.2 ประกันอุบัติเหตุแบบไม่มีค่ารักษาพยาบาล : ในกรณีนี้ไม่คุ้มครองค่ารักษา ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดด้วยตนเอง
หากผู้เอาประกันเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะจ่าย ค่าปลงศพจากอุบัติเหตุ หรือ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับพิธีการ ตามจำนวนเงินที่ระบุในแผนประกัน ซึ่งมักกำหนดเป็นวงเงิน เช่น 5,000 – 50,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุที่ผู้เอาประกันเลือกทำไว้
ในช่วงฤดูฝนที่มาพร้อมกับปัญหาน้ำท่วม หลายท่านอาจเผชิญกับเหตุการณ์ที่รถยนต์ได้รับความเสียหาย และหลายคนไม่แน่ใจว่า รถน้ำท่วมเคลมได้ไหม หรือควรทำอย่างไรเมื่อรถได้รับความเสียหาย การเข้าใจขั้นตอนและเงื่อนไขการเคลมประกันรถยนต์จากน้ำท่วม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และทำให้รถของคุณกลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด เรามาดูขั้นตอนในการเคลมประกันรถน้ำท่วมกันเลย
ก่อนดำเนินการเคลมประกันรถยนต์จากเหตุ “น้ำท่วม” ผู้เอาประกันควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่า กรมธรรม์ของตนมีความคุ้มครองภัยน้ำท่วมอยู่หรือไม่ เนื่องจากประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ดังนี้
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่เกิดจากภัยธรรมชาติ รวมถึงน้ำท่วม
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ / 3+ (ประเภท 5) ไม่มีความคุ้มครองน้ำท่วมในทุกกรมธรรม์ ดังนั้น จะต้องตรวจสอบหน้าตารางกรมธรรม์รถยนต์ที่มีว่าได้ซื้อแพ็คเกจที่ขยายความคุ้มครองน้ำท่วมไหม ซึ่งจะมีบางบริษัทประกันภัยที่ขายแพ็คเกจเพิ่มความคุ้มครองน้ำท่วมซึ่งสามารถซื้อได้ ทุนประกันภัยตั้งแต่ 50,000-500,000 เช่น
บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ปกติจะให้ความคุ้มครองแค่บุคคลภายนอก แต่ปัจจุบันบางบริษัทประกันภัย เช่น บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีแพ็คเกจขยายความคุ้มครองน้ำท่วม ในวงเงิน 50,000 บาท
โดยตรวจสอบความเสียหายของรถยนต์จากน้ำท่วม หรือสามารถอ่านจากบทความ หลักเกณฑ์การพิจารณาค่าเสียหายจากน้ำท่วมรถยนต์ ตามแนวทาง คปภ. และความคุ้มครองตามประเภทประกันภัยรถยนต์
กรณีเสียหายบางส่วน (Partial Loss)
เงื่อนไข: ค่าซ่อมแซมไม่เกิน 70% ของทุนประกัน (หรือมูลค่ารถยนต์)
การจ่ายสินไหม: บริษัทประกันภัยจะอนุมัติค่าซ่อมทั้งหมดตามที่อู่ประเมิน ซ่อมเพื่อให้รถกลับมาอยู่ในสภาพเดิมที่สุด (จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกินทุนประกันภัย)
สำหรับความเสียหายระดับ A, B หรือ C
ถ่ายรูปหลักฐานถ่ายรูปรถที่น้ำท่วม/คราบน้ำ ให้เห็นทะเบียนชัดเจน และเห็นระดับน้ำที่ท่วมถึง
โทรแจ้งประกันแจ้ง Call Center ทันทีว่า “รถน้ำท่วมเสียหายหนัก” เพื่อขอเลขรับแจ้ง (Claim No.) เบอร์ติดต่อเคลมบริษัทประกันภัย และนัดอู่ในเครือบริษัทประกันเพื่อนำรถเข้าซ่อม สามารถดูรายชื่ออู่ในเครือจากหน้าเว็ปไซต์ของบริษัทประกันภัย หรือสามารถดูเบอร์เคลมบริษัทประกันภัยจากหน้าเว็ปไซต์ศรีกรุง
สำหรับความเสียหายระดับ D อาจจะต้องให้บริษัทประกันภัยเป็นผู้พิจารณาแนวทางการซ่อม หรือการพิจารณาว่าเข้าข่ายความเสียหายสิ้นเชิง (Total Loss) ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์หรือไม่
กรณีเสียหายสิ้นเชิง (Total Loss) หรือ ความเสียหายระดับ E
เตรียมเอกสารเพื่อแจ้งเคลมประกันรถยนต์จากน้ำท่วม และรอรับค่าสินไหมเต็มทุนประกัน ดังนี้
แบบฟอร์มการเรียกร้องค่าสินไหม (ใบเคลม)
สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาใบขับขี่
เล่มทะเบียนรถฉบับจริง: เพื่อโอนกรรมสิทธิ์ให้บริษัทประกัน
ชุดโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ (โอนลอย) พร้อมลงนาม
กุญแจรถยนต์ (ตัวจริงและสำรอง)
สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร
หลักฐานรูปถ่ายรถยนต์ โดยถ่ายรูปสภาพรถขณะถูกน้ำท่วม/คราบน้ำ ให้เห็นทะเบียนชัดเจน และเห็นระดับน้ำที่ท่วมถึง
เอกสารการเคลมบริษัทประกันภัย (ในส่วนของใบเคลมลูกค้าไม่ต้องเตรียม ทางบริษัทประกันภัยจะออกเอกสารให้กับลูกค้าโดยตรง)
บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน (ตามทุนประกัน) ภายใน 15-30 วัน หลังเอกสารครบ
กรณีรถติดไฟแนนซ์:
ประกันจะจ่ายเงินให้ไฟแนนซ์ ตามยอดหนี้คงเหลือก่อน
ทุนประกัน > หนี้: ไฟแนนซ์จะคืน ส่วนต่าง ให้ท่าน
ทุนประกัน < หนี้: ท่านต้องจ่าย ส่วนต่างที่เหลือ ให้ไฟแนนซ์เอง
หมายเหตุ
สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ผู้เอาประกันจะต้อง โอนกรรมสิทธิ์ซากรถ ให้แก่บริษัทประกันภัย และความคุ้มครองตามกรมธรรม์จะสิ้นสุดลงทันที
สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ / 3+ (ประเภท 5) หรือ (ประเภท 3) ที่มีความคุ้มครองน้ำท่วม จะจ่ายตามความคุ้มครองตามหน้ากรมธรรม์ และความคุ้มครองนี้ยังมีผลอยู่ เนื่องจากวงเงินน้ำท่วมถือเป็นความเสียหายต่อครั้ง (ต่อเหตุการณ์)
นายหน้าประกันภัยควรมีความเข้าใจในกระบวนการเคลมประกันรถยนต์จากน้ำท่วมอย่างถูกต้อง เพื่อสามารถให้คำแนะนำแก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ หากมีส่วนใดของข้อมูลหรือเงื่อนไขในกรมธรรม์ที่ยังไม่ชัดเจน นายหน้าประกันภัยสามารถประสานงานสอบถามเพิ่มเติมได้กับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายสาขาศรีกรุงที่รับผิดชอบ เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและการบริการที่ดีที่สุด
หากคุณมีข้อสงสัยสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ศรีกรุงโบรคเกอร์ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ หรือหากอยากได้ประกันรถยนต์ดี ๆ สามารถติดต่อพวกเราได้ที่ “ศรีกรุงโบรคเกอร์ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ” เรามีผู้เชี่ยวชาญยินดีตอบคำถามและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำประกันภัยทุกชนิด
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.). (2563). คำสั่งนายทะเบียน ที่ 66/2563 เรื่อง ให้ใช้คู่มือตีควาามกรมธรรม์ประกันภัยความคุ้มคครองผู้ประสบภัยจากรถ คู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์รวมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และคู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.). (2567). คปภ. พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยแก่ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ
บทความโดย คุณไพรีนทร์ แสนเรือน และคุณกนกลดา ยอดผะกา
ผู้จัดการฝ่ายรับประกัน บริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์
ทุกเรื่องประกันภัย สอบถามเรา
ติดต่อโดยตรงได้ที่ สาขาศรีกรุงโบรคเกอร์ ใกล้บ้านท่าน
หรือส่งข้อความทาง Line: @srikrung
ติดต่อผ่าน Facebook: facebook.com/srikrungbroker/
โทรคุยกับ Call Center: 02 867 3899